(Book) รีวิว 将夜 สยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 16

233

将夜 สยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 16
ผู้เขียน : Mao Ni ผู้แปล : มดแดง
สนพ.สยามเอ็นเธอร์บุ๊คส์
40 เล่มจบ

400-3

เอาล่ะ บอกเลยว่าเป็นปกที่กร๊าวววววใจมาก นี่คือโฉมหน้าของถัง พี่ชายของยัยถังเสี่ยวถังจอมแก่น และคุณพระ ทำไมหล่อเกาหลีเยี่ยงนี้ ใจไม่ดีแรง / สูดยาดม

พูดก็พูดเถอะ นี่โดนปกดูดตั้งแต่แวบแรกที่เห็นอ่ะ รู้สึกได้เลยว่านี่แหละที่รอคอยมานาน หลังจากเอาคนแก่ๆ ขึ้นปกมาเยอะ / ยกมือขอโทษขอโพย

ในเล่มนี้เราชอบมากกกก ชอบจริงๆ มีไม่ชอบนิดเดียวเดี๋ยวจะบอกว่าตรงไหน แต่ความชอบมันเยอะกว่า ที่อยากพูดคือมันเหมือนเราได้ย้อนกลับไปช่วงเล่มต้นๆ อ่ะ เล่มที่ไม่ได้ออกทะเลไปเที่ยวแดนร้างอยู่กันสองสามคนกับนังโม่ซันซันเสียหลายเล่ม มันมีเรื่องหลายเรื่องเข้ามาในเล่มนี้และมันรู้สึก โอเค ความรู้สึกนี้กลับมาอีกครั้ง

เล่มนี้ถ้าใครอ่านจากทดลองอ่านที่ทางสำนักพิมพ์มาหย่อนไว้ให้ก็น่าจะได้รู้ว่าหนิงเชวียมันคิดยังไงกับยัยหนูซังซัง ส่วนใครที่ไม่ได้อ่าน (เราอ่านแค่ตอนเดียวและไม่อ่านอีกเลย อดใจไว้รอเล่มจริง) บอกเลยตรงนี้เพราะแน่นอนว่าอยากสปอยล์กัน นั่นคืออาหนิงมันคิดจะแต่งงานจริงจังกับซังซังโว้ย มันหารือกับว่าที่พ่อตาเรียบร้อยแล้วด้วย และมันรู้ได้ในทันทีว่าพ่อตาคนนี้ของมันเล่นด้วยไม่ง่ายเลย 5555555 ใครที่ลงเรือเชียร์คู่นี้คือสมหวังอ่ะ

นอกจากนี้จ้าวบัลลังก์โองการฟ้าก็มาเยือนซอยสี่สิบเจ็ด ที่มาไม่ใช่อะไร แค่อยากจะมารับนังหนูซังซังไปทำหน้าที่ของตนที่หน่วยแสงสว่าง แต่หนิงเชวียกับซังซังยื่นข้อเสนอบางอย่างไป ตัดมาคือท้ายเล่ม 15 เราได้รู้กันว่าเฉาเสี่ยวซู่อาจมีอันตราย และอาจเกี่ยวข้องกับหลิ่วไป๋ที่ใครๆ ต่างขยาดไม่กล้าสู้ด้วย คราวนี้ทั้งจักรพรรดิทั้งสถานศึกษาถึงกับส่งจดหมายไปทวงคนกลับมา แต่…หลิ่วไป๋บอกตรูไม่รู้เรื่องงงงง เอาอันใดมาพูดกันนนน สุดท้ายเราจะได้เห็นความเทพของคนผู้นี้ และต้องอุทานในใจว่า “เอาล่ะ ข้าเจอตัวละครที่หมายตาอีกตัวหนึ่งแล้ว” แน่ๆ

ถ้าหลิ่วไป๋ไม่รู้เรื่องว่าเฉาเสี่ยวซุูไปไหน แล้วความจริงเป็นอย่างไรล่ะ ความจริงคือพวกมันปะทะกันจริง แล้วเฉาเสี่ยวซู่เกิดบาดเจ็บ หนีไปหนีมาไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้า ช่วยกันไปช่วยกันมาเลยบู้ม เกิดเป็นโกโก้ครันช์ และหลังจากกลายเป็นโกโก้ครันช์แล้วมันถึงค่อยส่งจดหมายไปหาคนทางโน้นว่าข้ายังอยู่ดีมีสุข มีมะเมียแล้วด้วยอีกต่างหาก ซึ่งนี่นับว่าเป็นคู่ที่น่าสนใจมาก เสียดายมาสั้นๆ เราหวังว่าเล่มหน้าจะมีคู่นี้โผล่มาอีกนิด เพราะมันเหมือนกับว่าเฉาเสี่ยวซู่โผล่มาแค่อยากบอกทุกคนว่าตรูมีเมียแล้วเท่านั้นเอง 555555

ทีนี้กลับมาที่สถานศึกษา มีคนสงสัยแล้วว่าหนิงเชวียอาจเกี่ยวข้องกับการตายของคนหลายคนก่อนหน้านี้ และมันก็โดนต้อนเสียจนมุม แต่เจ้าหน้าเป็นก็ยังหน้าเป็นวันยังค่ำ นี่คือจุดหนึ่งที่เราชอบในตัวละครตัวนี้ บทสนทนาของมันกับชายชื่อสวี่ซื่อคือสิ่งที่ทุกคนต้องเอาใจจดใจจ่ออ่ะ สองคนนี้เหมือนเล่นเกมงูกินหาง ข้ากินเจ้า เจ้ากินข้า แต่อย่างที่บอกไป หนิงเชวียก็ยังเป็นหนิงเชวีย แม้จะถูกต้อนจนมุมมันก็มีวิธีของมัน ซึ่งเราอยากให้ทุกคนไปหาคำตอบเองว่ามันจะทำอย่างไร

ทีนี้ แม้จะโดนหลายฝ่ายปรามอยู่กลายๆ ว่าให้ปล่อยซย่าโหวมีชีวิตบั้นปลายที่สุขสงบเถิด แต่มันมีหรือจะยอม มันวางแผนบางอย่างเอาไว้แต่ยังไม่เฉลยเต็มร้อยในเล่มนี้ แต่มันร้อนเงินมาก จัดฉากให้ซังซังเอาภาพของมันไปประมูลขาย (ที่มันไม่อยากปล่อยเองเพราะกลัวเสียหน้า 555555) ได้เงินมามันเอาไปทำอะไรรู้มั้ย…มันเอาไปซื้อทะเลสาบ แต่มันจะซื้อทะเลสาบมาทำไม อันนี้ก็ต้องติดตามต่อไปอีกเหมือนกัน

จบแล้วเล่มนี้ มีรายละเอียดอีกเยอะ เช่นว่าหนิงเชวียเผชิญหน้ากับดวงตาค่ายกลของเหยียนเซ่อต้าซือและจูเชวี่ย เยี่ยหงอวี๋กับจดหมายแผ่นหนึ่งจากเทพกระบี่หลิ่วไป๋ องค์ชายหลงชิ่งกับความเป็นไปของเขาก็มีโผล่มาด้วยนะ อ้อ คนบนปกก็มาเหมือนกันในช่วงท้ายๆ อย่างที่บอกว่าเล่มนี้ครบรส โผล่กันมาเยอะให้หายคิดถึง (โดยเฉพาะพี่เฉา แกมาพีคสุด 55555)

บอกไปตอนต้นว่าเราไม่ชอบอย่างนึง จะบอกให้ว่าคืออะไร นั่นคือโม่ซันซัน หนิงเชวียมันยังปักใจกับนังนี่อยู่นิดหน่อยเว้ย มันรอจดหมายนังนี่ พอไม่มีมาก็เสียใจ เห็นคนมาประมูลงานมันจะไปเอาใจโม่ซันซัน มันก็หึงไม่ยอมขายให้เขา แบบเอ้ออออ ไอ้หมอนี่ เมียหุงข้าวรออยู่ที่บ้านยังริอ่านพะวงถึงคนอื่นนะเมิงงงง แต่เราก็เข้าใจแหละ แค่แอบไม่ชอบนิดหน่อย เข้าใจว่าหนิงเชวียมันชอบ และการที่ชอบก็ใช่ว่าจู่ๆ จะบอกให้เลิกคิดก็จะเลิกได้ แต่อันที่จริงมีมาให้โมโหแค่สามซีนเบาๆ ซีนละสองสามบรรทัดแค่นั้นแหละ ไม่มากไม่มายอะไร แต่นี่แค่โมโหแทนซังซัง กัดฟันรอว่าถ้าซังซังน้อยของข้าไปฝึกการเป็นต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างเมื่อไหร่ หนิงเชวียมันต้องมีหนาวแน่ๆ

สรุปๆๆๆๆๆ สรุปคือเล่มนี้ดีจริง ให้ฟีลเหมือนย้อนกลับไปหาความสนุกในภาคแรก เราให้ 9.5/10 เลย ห้ามดอง ต้องอ่าน อะไรแบบนี้

Best Quote 1 : อย่าลืม ตอนนั้นท่านยังอายุไม่ถึงสิบขวบ เพราะความอดอยากร่างกายจึงผอมแห้ง เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี และข้างกายท่านยังมีเด็กหญิงอายุห้าหกขวบอีกคนหนึ่ง อีกทั้งท่านก็ยังได้รับบาดเจ็บ ข้างกายไม่มีอาวุธ มีเพียงหินเหล็กไฟที่ซ่อนไว้ในกางเกง แล้วท่านก็บังเอิญถูกขังในห้องเก็บฟืนเสียด้วย ข้าไม่รู้ว่าหากเป็นท่านแม่ทัพ ท่านจะทำอย่างไร แต่หากเป็นข้า ข้าเลือกที่จะจุดไฟกับกองฟางและฟืนในห้อง

Note : ไปสอยเล่มนี้มาจากงานหนังสือจ้า ได้พรีเมียมจากบูธเอนเธอร์เยอะกว่าชาวบ้านเพราะพี่จ่ายเหมือนร่อนเงินเล่นเลย ช้ำใจ 5555

 

(Book) รีวิว 将夜 สยบฟ้าพิชิตปฐพี 1-15

capture-20180225-192835

(แคปจากหน้าเว็บละกัน ไม่ไหว จำนวนเล่มเยอะเกิน)

将夜 สยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 1-15
ผู้เขียน : Mao Ni ผู้แปล : มดแดง
สนพ.สยามเอ็นเธอร์บุ๊คส์
40 เล่มจบ

400-3

ขอรีวิวแบบรวดเดียวจบ และมันจะเยอะๆ หน่อย

เราเคยบอกไว้ (ในรีวิวไหนสักตัว) ว่าเราเป็นคนที่อ่านนิยายจีนแนวเทพเซียนหรือกำลังภายในไม่ค่อยได้ ยกเว้นบางเรื่องที่เข้าท่าเข้าทางเรา (เทพเซียนก็แบบเจ็ดชาติภพหนึ่งปรารถนาที่ยังไม่ได้เขียนรีวิวถึง ยุทธภพก็แนวๆ อาจารย์เป็นคนชั่วฯ หรือ คนท่องยุทธภพฯ) แต่กำลังภายในหรือสายเซียนเพียวๆ เลยนี่อ่านไม่ได้ เคยพยายามจะอ่านฮวาเชียนกู่ก็ไปไม่ไหว พยายามจะอ่านชอลิ้วเฮียง พยัคราชฆ่อนเล็บ เจาะเวลาหาจิ๋นซี ก็ไปไม่รอด แต่เรื่องนี้รอด และสนุกมากด้วย

ได้ยินชื่อเสียงมานานละแต่ไม่ได้อ่านสักทีเพราะพยายามจะอ่านก็กลัวเบื่อ กลัวไม่ใช่แนว กลัวเสียเวลา แต่เห็นเพจสาวกเอยจงเสพนิยายจีนอวยมากอวยขั้นสุดสองเรื่องกับเทพยุทธ์เซียนกลอรี่ ประจวบเหมาะกับเจียงเหย่จะได้เป็นซีรีส์ และแคสมาถูกใจข้ามาก (จะพูดถึงเรื่องนี้ทีหลัง) ก็เลยตัดสินใจ เอาวะ มาลองดูกันสักตั้ง

เรื่องนี้ออกมาแล้ว 15 เล่ม ยาวไกลมากเพราะจำนวนจบอบู่ที่ 40 เล่ม นับนิ้วกันแล้วก็น่าจะต้องรอไปประมาณอีกสามปีกว่าจะออกครบจบหมดทุกเล่ม ตอนแรกคิดว่าอาจจะท้ออ่าน แต่พอเห็นเล่มจริงแล้วก็โอเค เล่มบางๆ แนวเหมือนสำนักพิมพ์สยามฯ เลย และพออ่านถึงได้รู้ว่าแบบนี้โคตรฆ่ากันอ่ะ เพราะมันไม่พอ มันอยากได้หนากว่านี้!

เรื่องนี้เป็นเรื่องของหนิวเชวีย (หนิง แปลว่า สงบสุข เชวีย แปลว่า ปราศจาก รวมๆ ก็คือปราศจากความสุขสงบนั่นเอง) เป็นคนจากยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติมาในยุคโบราณ เติบโตมาในจวนแม่ทัพใหญ่ แต่เดิมคิดว่าจะสุขสบายแต่เกิดจากฆ่าล้างครัว เขาที่ยังเด็กมากหนีตายมาได้และต้องระหกระเหินร่อนเร่ไปไกล ชีวิตพลิกผันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ในที่สุดก็ไปพบเด็กทารกหญิงคนหนึ่งในกองซากศพ หนิงเชวียช่วยเด็กทารกคนนั้นมา ทั้งยังเจอร่มดำใหญ่เทอะทะอีกคันหนึ่ง ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นเหมือนสมบัติประจำตัว

หนิงเชวียคอยดูแลเด็กที่เก็บมาและเรียกนางว่าซังซัง ทั้งสองคอยประคับประคองกันมาตลอด นอนก็ต้องนอนกอดกัน ทำอะไรก็จะมองสีหน้ากันเสมอ จนหนิงเชวียสมัครเข้ากองทัพชายแดนก็ยังต้องหนีบซังซังไปด้วย แม้จะบอกใครต่อใครว่าซังซังเป็นสาวใช้แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมันลึกซึ้งกว่านั้น ตอนอยู่ในกองทัพหนิงเชวียได้ฉายาว่าคนตัดฝืนแห่งทะเลสาบซูปี้ เพราะเขาทำหน้าที่ไล่ฆ่าพวกโจรขี่ม้า

ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อหนิงเชวียต้องดูแลขบวนขององค์หญิงสี่หลี่อวี๋กลับฉางอัน หนิงเชวียได้เจอผู้ฝึกฌานและเขาต้องการเข้าสถานศึกษา แต่ตัวเขาไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นผู้ฝึกฌาน ทว่ามีฝีมือแบบนักฆ่าที่หลายคนหวาดหวั่น อีกทั้งร่มดำคันนั้นของมันยังเป็นปริศนาทั้งยังปัดเป่าอันตรายได้ทุกรูปแบบ ไหนจะซังซังสาวใช้หน้าดำคนนั้นอีก หนิงเชวียมาถึงฉางอันแล้วก็เช่าบ้านเปิดร้านเล็กๆ ในตรอกแห่งหนึ่ง ซังซังบังคับให้นายน้อยของนางเปิดร้านขายอักษรพู่กันเพราะหนิงเชวียลายมืองดงามนัก แม้จะไม่อยากทำแต่เพราะความยากจนหนิงเชวียเลยต้องกัดฟันเปิดร้านเหล่าปี่ไจขึ้นมา แต่ความทระนงก็ตั้งราคาไว้สูงลิ่วจนไม่มีใครอยากซื้อ

ต่อมาหนิงเชวียได้รู้จักกับบุรุษชุดเขียวเฉาเสี่ยวซู่ที่รู้ฝีมือของหนิงเชวียและให้เขาช่วยจัดการสังหารศัตรูที่ศาลาชุนเฟิงจนเป็นที่เลื่องลือไปไกล อีกทั้งหนิงเชวียยังต้องการสะสางบัญชีแค้นกับซย่าโหวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างครัวครั้งนั้น หนิงเชวียได้รายชื่อผู้เกี่ยวข้องแลกมากับการตายของเพื่อนในวัยเด็ก เขาตามเก็บคนพวกนั้นทีละคนอย่างไม่รีบร้อน และแม้จะไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้ฝึกฌานแต่หนิงเชวียก็ได้สังหารผู้ฝึกฌานคนหนึ่งตาย

ต่อมาหนิงเชวียมีโอกาสได้เข้าไปในพระราชวัง ขณะยืนเซ่อซ่าอยู่ในห้องทรงพระอักษรของจักรพรรดิ เขาก็เห็นโคลงที่จักรพรรดิเขียนไว้แต่ยังไม่เสร็จ ความคันไม้คันมือของเขาทำให้เขาเขียนโคลงตอบไปว่า “มาลีบานอีกฝั่งพสุธา” แต่จักรพรรดิไม่ทรงทราบ ได้แต่สั่งให้คนควานหาตัวเซียนพู่กันคนนี้ และหนิงเชวียยังได้ผูกมิตรกับสำนักคณิกาชื่อดังในฉางอัน เขาได้รับความเอ็นดูจากสาวๆ ในหอโคมเขียว เขากับซังซังไม่ต้องจ่ายเงินสักอีแปะหากเข้ามาที่นี่ (แต่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากัน) วันหนึ่งหนิงเชวียเมาแล้วเขียนข้อความจะฝากคนของสำนักโคมเขียวเอาไปให้ซังซังที่ร้าน เขียนประมาณว่าให้ซังซังไม่ต้องรอและกินน้ำตุ๋นไก่ไปซะ แต่คนของที่นั่นไม่ได้นำส่ง ข้อความนี้จะสร้างชื่อเสียงให้เขาภายหลัง

หนิงเชวียสอบผ่านได้เข้าเรียนในสถานศึกษา (ตอนนี้สนุกมากกกกกก) หนิงเชวียได้เขียนจดหมายโต้ตอบกับศิษย์ชั้นสองของสถานศึกษา (เป็นศิษย์ที่ถูกเลือกให้เป็นศิษย์ของจอมปราชญ์และร่ำเรียนอยู่บนเขาหลังสถานศึกษา คนทั่วไปเข้าไม่ได้) ชื่อเฉินผีผี เป็นศิษย์ลำดับที่ 12 เฉินผีผีได้แนะนำวิธีการเล่าเรียนรวมถึงช่วยหนิงเชวียเปิดจุดชวี่ไห่ที่ทำให้สามารถฝึกฌานได้แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมหนิงเชวียยังทำให้สัตว์เทวะอย่างจูเชวี่ยที่หลับใหลตื่นขึ้นมาอีกต่างหาก

ต่อมามีการคัดเลือกศิษย์เข้าชั้นสองของสถานศึกษา หนิงเชวียก็เข้าร่วมด้วยและแน่นอนว่าเขาชนะ (สนุกมากอีกเช่นกัน) ถึงตอนนี้มีแต่คนอยากได้ตัวเขาเพราะจอมยันต์เทวะที่นิกายเฮ่าเทียนฝ่ายใต้อย่างเหยียนเซ่อต้าซือมีโอกาสได้เห็นภาพอักษรน้ำตุ๋นไก่ที่หนิงเชวียเคยเขียนไว้และสัมผัสได้ทันทีว่าหนิงเชวียมีความสามารถจะเป็นจอมยันต์เทวะได้ เยียนเซ่อต้าซือที่ชรามากต้องการได้ตัวหนิงเชวียมาเป็นศิษย์เลยไปตบตีแย่งคนกับทางสถานศึกษา (ฮาสุดตอนนี้) สุดท้ายหนิงเชวียได้เป็นศิษย์ลำดับที่ 13 ของสถานศึกษา พร้อมกันนั้นก็เป็นศิษย์ของเหยียนเซ่อต้าซือจากเฮ่าเทียนฝ่ายใต้ และจักรพรรดิตามพบแล้วว่าคนที่เขียนอักษร ‘มาลีบานอีกฝั่งพสุธา’ คือหนิงเชวีย เขาก็เลยดัง เงินก็ได้เยอะ กลายเป็นคนรวยไป

ตอนนี้เราจะได้ทำความรู้จักกับศิษย์พี่คนอื่นๆ ซึ่งมีคาแรคเตอร์แตกต่างกันไปเหมือนเราอ่านการ์ตูนสักเรื่องอ่ะ (เราชอบศิษย์พี่สองกับศิษย์พี่สี่) ต่อมาหนิงเชวียต้องเดินทางไปฝึกภาคสนามที่ชายแดนร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นสมัยอยู่ชั้นหนึ่ง ที่นั่นเขาได้พบกับหนึ่งในสามผู้งมงาย ผู้งมงายอักษร โม่ซันซัน

ไม่รู้ทำไม อาจเพราะอ่านสปอยล์มาก่อนเลยไม่ชอบโม่ซันซันมาก และเกลียดที่ผู้เขียนจงใจให้โม่ซันซันมีชื่อคล้ายกับซังซังของเรา แถมบทนางเยอะมากกกกกกก โม่ซันซันเป็นพวกซึนเดเระ เป็นหนึ่งในสามผู้งมงาย (ประกอบไปด้วยผู้งมงายอักษร ผู้งมงายยุทธ์ ผู้งมงายบุปผา) ใบหน้างดงาม (แต่สวยจริง ตอนนางขึ้นปก หมั่นไส้) ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์กัน ขอข้ามตรงนี้เพราะเราไม่ได้อ่าน ฟังดูใจร้ายและน่าเกลียด ซึ่งยอมรับ เราแค่ไม่ชอบที่โม่ซันซันบทเยอะเกินไป เลยตัดสินใจข้ามตรงนี้ไปซะ อ่านผ่านๆ จนกระทั่งหนิงเชวียเดินทางกลับฉางอัน…ซึ่งพานังโม่ซันซันกลับมาด้วย

ย้อนกลับมานิด ตอนที่หนิงเชวียไม่อยู่ ซังซังอยู่เฝ้าร้านคนเดียวและได้เจอกับชายชราคนหนึ่งชื่อเว่ยกวงหมิง ต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างคนปัจจุบันที่หนีออกมาจากการคุมขัง เขาเป็นคนทำนายชะตาของหนิงเชวียเมื่อยังเด็กและทายทักว่ามีเงารัตติกาลทำให้ครอบครัวหนิงเชวียถูกฆ่า เว่ยกวงหมิงหลบหนีมาถึงฉางอันเพราะเห็นเงารัตติกาลปรากฏอีกครั้ง (คือจะตามฆ่าหนิงเชวียนั่นแหละ) ได้ประมือกับหลี่ชิงซานศิษย์ของเหยียนเซ่อต้าซือแต่เว่ยกวงมิงชนะได้สบายๆ เขาได้เจอซังซังโดยบังเอิญและเห็นว่านางสะอาดเป็นอย่างยิ่ง เว่ยกวงหมิงอยากได้นางมาเป็นศิษย์ และซังซังก็ยอมรับเขาเป็นอาจารย์

เว่ยกวงหมิงฟังแล้วอาจดูเหมือนโหดร้ายแต่ความจริงเป็นชายชราที่ดีคนหนึ่งนะ เขาดูแลซังซังเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง ตอนซังซังถูกรบกวนก็ใช้พลังจนอีกฝ่ายตาบอดไปเลย (โหดมั้ยล่ะ) แต่ไม่นานเว่ยกวงหมิงก็ตายพร้อมกับเหยียนเซ่อต้าซือ ขอไม่สปอยล์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคน ซังซังเป็นคนเก็บเถ้ากระดูกของพวกเขา (นางได้ใจพี่รองและเฉินผีผีมาก) และได้เป็นว่าที่ต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่าง แถมยังได้รู้ว่าพ่อแม่จริงๆ ของตัวเองเป็นใครอีกด้วย

พอหนิงเชวียกลับมาก็ได้รู้เรื่องทั้งหมด แต่เขาไม่ได้โกรธซังซังที่กลายเป็นศิษย์ของเว่ยกวงหมิง ทั้งสองคิดถึงกันมาก แต่นิยายกำลังภายในกลายเป็นนิยายรักตรงที่เมื่อหนิงเชวียกลับมาแต่ไม่ค่อยอยู่ร้าน ชอบแล่นไปหาโม่ซันซันคนสวย จนในที่สุดซังซังทนไม่ไหว เก็บข้าวของหนีไปอยู่บ้านพ่อบ้านแม่ตัวเอง พอรู้เข้าหนิงเชวียแทบเป็นบ้า ทั้งยังถูกองค์หญิงหลี่อวี๋แซะอีกว่าเป็นไงละสมน้ำหน้าแกนัก เขาเลยไปตามซังซังกลับมาแต่ถูกบีบให้ต้องเลือก และ อื้ม…นับว่ายังมีตาที่ตัดสินใจเลือกคนที่มีค่ากับตัวเอง

ซังซังยอมกลับมาอยู่ด้วย โม่ซันซันหอบใจช้ำรักกลับไป (สมน้ำหน้าหล่อน ไม่รู้จักต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างเสียแล้ว) และหนิงเชวียไปล่วงเกินจอมปราชญ์ที่เพิ่งมีโอกาสได้พบหน้าหลังจากไปท่องเที่ยวกับศิษย์พี่ใหญ่ อีกทั้งก่อนหน้านี้หนิงเชวียเข้าสู่ทางมารตามรอยอาจารย์อาที่ถูกฟ้าผ่าตายไป จอมปราชญ์จึงจับเขาขังไว้บนเขา มีซังซังคอยดูแล และเพราะหนิงเชวียเป็นศิษย์ชั้นสองคนเดียวที่เข้าสู่โลกิยะตามรอยอาจารย์อา เขาจึงต้องคอยรับมือกับคนเก่งๆ ที่มาท้าสู้ หนิงเชียวถูกขังก็ยังมีคนมาท้าสู้ด้วย กว่าอาจารย์จะออกจากที่คุมขังได้ก็ใช้เวลาสามปี แต่หนิงเชวียใช้เวลาแค่สามวันก็หาทางจัดการกับพลังของตนได้ ตอนนี้ชื่อเสียงของหนิงเชวียไปไกลจนทุกคนต้องจับตามอง

พูดง่ายๆ คือจากคนตัดฟืนแห่งทะเลสาบซูปี้ สู่นักฆ่าปิดหน้าที่ศาลาชุนเฟิง ศิษย์จอมทะนงแห่งสถานศึกษา เซียงซือสิบสาม และผู้เข้าสู่โลกิยะ หนิงเชวียมาถึงทุกวันนีได้เพราะความพยายาม จะมีอะไรโดดเด่นให้จดจำอีกมั้ยยังต้องรอกันไปยาวๆ อีก 25 เล่ม

เราพยายามเล่าแบบบีบเรื่องให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะมันยาวถึง 15 เล่ม แบ่งเป็นสองภาคคือภาคแรก ‘อรุณรุ่งที่ต้าถัง’ และภาคสอง ‘ทะเลสาบอันหนาวเหน็บ’ พระเอกค่อยๆ เติบโตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น มันไม่เหมือนนิยายอื่นๆ ที่พระเอกเก่งเทพ เรื่องนี้พระเอกเก่ง แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ถือว่ายังด้อยกว่ามาก จึงได้พยายามๆๆ ถีบตัวเองมาจนถึงจุดนี้

ตอนเข้าสถานศึกษาจะมีซีนให้เห็นว่าพระเอกไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน ถูกนินทา ถูกบอยคอต พระเอกก็ไม่สนใจ ไม่โต้แย้ง แค่ใช้การกระทำแสดงให้คนที่ดูถูกเห็นว่าตัวเองมีฝีมือแค่ไหน คนพวกนั้นยังไม่ทันรู้ตัวดี เงยหน้าขึ้นมาอีกทีหนิงเชวียก็อยู่สูงเกินเอื้อมมือไปถึงแล้ว

ถ้าพูดถึงเรื่องรัก พระเอกต้องมีความรักอยู่แล้ว เจอคนสวยแถมยังชอบอะไรเหมือนกันก็ยิ่งรู้สึกดี แต่เราชอบที่พอเอาเข้าจริงๆ พระเอกกลับพบว่าขาดสิ่งใกล้ตัวไม่ได้ หนิงเชวียกับซังซังโตมาด้วยกัน เจออันตรายมาด้วยกัน ต้องนอนกอดกันจึงจะหลับได้ แม้หนิงเชวียจะทะลึ่งตึงตัง ปากร้าย เรียกง่ายๆ ว่าชอบปีนเกลียวชาวบ้านแต่เอาเข้าจริงก็เป็นคนดีมากคนหนึ่งนะ ตอนรู้ตัวว่าไม่มีซังซังอยู่ข้างกายหนิงเชวียก็เขวไปเยอะ เหมือนเด็กหลงทางที่ทำอะไรไม่ถูก เราชอบที่เปรียบเปรยซังซังเป็นน้ำ กินบ่อยแต่ไม่เบื่ออีกทั้งยังขาดไม่ได้

เชื่อเหอะว่าถ้าได้อ่านจะต้องชอบซังซัง และจะได้เห็นว่าทั้งสองคนสนิทกันมากแค่ไหน มันมากกว่าคำว่าผูกพันอ่ะ และแม้ผู้เขียนจะจงใจยัดเยียดตัวละครสาวๆ เข้ามา (องค์หญิงหลี่อวี๋ที่ทำให้ใจสั่นตั้งแต่สองเล่มแรก กับผู้งมงายอักษร) แต่ก็เขียนย้ำบ่อยมากว่าหนิงเชวียกับซังซังนั้นขาดกันไม่ได้จริงๆ มันเป็นอะไรที่อบอุ่นใจมากๆ

พูดถึงซีรีส์ที่กำลังจะฉาย แคสนักแสดงดีนะ พระเอกไม่เรียกว่าหล่อเว่อร์วังแต่หน้าตาใช้ได้ มีความกวนโอ๊ย นางเอกตัวเล็กน่ารัก (คนที่รับบทซังซังคือน่ารักจริง ตัวเล็กเว่อร์) โปรดักชั่นดี๊ดี นี่รอไม่ไหวละเนี่ย

นอกจากนั้นในเรื่องยังมีข้อคิดมากมาย มีคำคมเก๋ๆ เยอะมาก เรื่องสนุกไม่น่าเบื่อเพราะพระเอกเป็นคนกวนๆ (จะเบื่อตอนโม่ซันซันมานั่นแหละ) ทำให้อยากตามต่อและสงสัยว่าอีก 25 เล่มข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้โดยรวม 15 เล่มเราให้ 8.5/10 ค่ะ สนุกน่าติดตามมาก

Note 1 : ตอนอ่านซีนพระเอกเข้าสถานศึกษาคือเหมือนเราอ่านการ์ตูนสักเรื่องอ่ะ สนุกดีนะ ลุ้นด้วย ตอนพระเอกไปฆ่าคนก็มีการตระเตรียมกันก่อนกับซังซัง (ช่วยกันแต่งกลอนเอาไปท่องก่อนจะฆ่าคน 5555555) ชอบเหยียนเซ่อต้าซือที่เอ็นดูหนิงเชวีย ชอบมิตรภาพของหนิงเชวียกับเฉินผีผี ชอบศิษย์พี่รองผู้แข็งแกร่ง ตอนซังซังอยู่กับเว่ยกวงหมิงก็ชอบ เหมือนคุณตาใจดีกับนังหนูใสซื่อ งืออออ สนุกกกกก

Note 2 : เรื่องนี้มันจะขำๆ หน่อย แต่มุกที่เราชอบมากคือช่วงนั้นหนิงเชวียต้องไปหน้าด่าน เที่ยวฝากฝังคนนั้นคนนี้ให้ช่วยดูแลซังซังด้วย เฉินผีผีเองก็ถูกฝากฝังเลยชอบแวะมาดูซังซังจนกลายเป็นว่าสนิทกันไป วันนั้นมาหาซังซังแล้วเจอซังซังโขกหมากรุกอยู่กับเว่ยกวงหมิง ซังซังฝากให้เฉินผีผีเล่นแทนนาง แต่เฉินผีผีรู้ไงว่าตาแก่ที่นั่งอยู่คือต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างเลยกลัวและอยากจะไปตามคนมาจับ แต่เว่ยกวงหมิงจะเล่นหมากรุก บอกเฉินผีผีว่า “ตาเจ้าเดิน” เฉินผีผีเลยลุกจากเก้าอี้หมุนตัวจะเดินกลับไป (คือจะหนีนั่นแหละ) เว่ยกวงหมิงบอกไม่ใช่เดินอย่างน้านนนนน 55555555555

(Book) รีวิว อาจารย์…เป็นคนชั่วช่างยากเย็นเหลือเกิน เล่ม 2

20180225_172100q

อาจารย์…เป็นคนชั่วช่างยากเย็นเหลือเกิน เล่ม 2
ผู้เขียน Na Zhi Hu Li
ผู้แปล กู่ฉิน
Happy Banana
4 เล่มจบ

400-3

ตอนแรกกะจะยังไม่ซื้อ แต่พอวางขายวันแรกปุ๊บก็ถ่อไปซื้อถึงพารากอนโน่นเลย เหนื่อยใจตัวเองมากๆ แต่นิยายมันดีอ่ะ ฮือออ ติดซะแล้วทำไงได้

เล่มนี้มีเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้นกับจั่วเสียวเสี่ยวเมื่อจู่ๆ นางก็มีอาจารย์อาอย่างเวินซู่โผล่มาคนหนึ่ง เป็นอาจารย์อาจากสำนักตงไห่ที่ยังหนุ่มแน่นเสียด้วย (ปาดน้ำลายตั้งแต่ต้นเรื่อง) จั่วเสียวเสี่ยวได้พบกับอาจารย์อาตอนเดินทางไปกับเหลียนเจา อาจารย์อาของนางนิสัยแตกต่างจากอาจารย์ของนางเป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจแต่ก็คอยตักเตือนโน่นนี่บ่อยๆ เรื่องนี้อาจจะแหวะกันนิดเพราะมีซอมบี้ผีดิบเป็นพล็อตหลัก และผีดิบพวกนั้นเกิดขึ้นมาจากฤทธิ์หนอนกู่

ไม่ใช่หนอนกู่ตัวสองตัวด้วยนะ เลี้ยงกันแบบเป็นกองทัพ…

จั่วเสียวเสี่ยวต้องเข้าสู่เรื่องราวปริศนาและต้องตามหาเข็มเทพซานซือให้พบ เข็มเงินก็ยังไม่ถูกขับออก ไหนต้องรับมือกับเรื่องหลายเรื่องอีก จะทำชั่วก็ทำไม่ขึ้น ดวงดีอย่างประหลาดเสียอย่างนั้น

เล่มนี้หากเทียบกับเล่มแรกแล้วอาจไม่สนุกเท่าแต่ก็อยากให้ได้อ่านกันเพราะมันเพลินดี อีกอย่างบทเหลียนเจาเด่นแล้วค่า (ปรบมือแปะๆ ให้พระเอก) เหลียนเจายังเป็นเหลียนเจาคนซื่อเหมือนเดิม แต่ไม่กินเส้นกับอาจารย์อาแรงมาก อาจารย์อามากระซิบบอกเสียวเสี่ยวว่านายน้อยสกุลเหลียนต้องมีแผนการบางอย่างอยากใช้ประโยชน์นางแน่ เหลียนเจาก็กระซิบบอกเสียวเสี่ยวว่าอาจารย์อานางหาใช่คนดีไม่ เสียวเสี่ยวปวดหัวยิ่ง แต่จะทำไงได้เมื่อหลงรักเหลียนเจาไปเสียแล้ว ง่อวววว

เล่มนี้ความหวานมีเพิ่มมาก เหลียนเจาน่ารักมาก อาจารย์อาฮอตมาก (เดี๋ยวๆ) และอีกตัวละครหนึ่งก็ยังโผล่มาให้เห็นหน้า นั่นคือนายท่านอิ๋นเซียวของข้าาาาาาา ฮือออออออ

เราชอบอ่านซีนตอนอิ๋นเซียวคุยกับเสียวเสี่ยวจัง เหมือนพี่ชายขี้โมโหกับน้องสาวจอมโง่งมยังไงไม่รู้ เอ็นดูแปลกๆ อ่ะ 55555 ในเล่มนี้อิ๋นเซียวถูกเสียวเสี่ยวเรียกมาและต้องรับบทเป็นคนเลวอีกแล้ว (วงวาร) แต่…แต่ชั้นเห็นโมเม้นต์แล้วเจ้าค่ะ เห็นโมเม้นต์ระหว่างนายท่านอิ๋นกับแม่นางผู้หนึ่งที่ครึ่งเล่มแรกโคตรไม่สำคัญเลย แต่ครึ่งเล่มหลังแบบ อื้ม…ต้องได้เห็นกันไปยาวๆ แน่ แม่นางผู้นั้นชื่อเสิ่นยวน จำชื่อนี้ไว้ เสิ่น-ยวน นางเป็นคุณหนูในห้องหอของนายท่านเสิ่นตัวละครสำคัญในเรื่อง เป็นแม่นางที่มีความคิดอ่านแบบเหลียนเจาเวอร์ชั่นผู้หญิง ข้าขออุบไว้ไม่บอกว่าโมเม้นต์นั้นคืออะไร แต่ข้าเป็นผู้โชกโชนในรัก (แม้จะลงเรือผิดลำไปแล้วตอนเจาะจิตฆาตกร) ย่อมดูออกว่าคู่นี้เขาต้องได้กันแน่ๆ ข้าเขินมากเลย ยิ่งตอนท้ายเล่มยิ่งเขิน นายท่านอิ๋นของข้า ท่านจะข้ามหน้าข้ามตากันเกินไปแล้ว!

อ้อ เหลียนเจากับเสียวเสี่ยวก็น่ารักนะ เล่มนี้พระเอกของเราเขียนจดหมายไปบอกที่บ้านเรื่องภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าพิธีของเขาแล้วด้วย และอาหญิงสกุลเหลียนของเขาก็มารับด้วยตัวเองเชียวล่ะ!

เล่มนี้คือดีงามเช่นเคย สนุก อ่านเพลิน โมเม้นต์เยอะกว่าเล่มแรก (ข้ายังชอบนายท่านอิ๋นเช่นเคย ฮอลลลลล) เสียวเสี่ยวรู้ใจตัวเองแล้วว่าชอบเหลียนเจามาก เหลียนเจาก็ชอบเสียวเสี่ยวแถมยังระแคะระคายนางบางเรื่องแล้ว แต่เพราะรู้สึกดีด้วยเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ โห ดีอ่ะ เอาไปเลย 8.5/10

Best Quote 1 : เสียวเสี่ยวลังเลชั่วอึดใจก่อนจะกัดฟัน “ตกลง! เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน! วางเดิมพันข้างท่านทั้งหมดเลย!” นางวางถุงเงินทั้งใบลงบนฝ่ามือของเหลียนเจา “…ท่านอย่าแพ้เป็นอันขาดนะ…” นางเอ่ยเสริมอีกประโยคอย่างระมัดระวัง
เหลียนเจามองถุงเงินในมือก่อนเหลือบตาขึ้นยิ้มตอบ “สักวันหนึ่ง เหรียญสามสิบสามอีแปะนี้ เหลียนเจาจะคืนให้เป็นพันเท่าอย่างแน่นอน”

Best Quote 2 : ยามที่ได้ยินวาจานี้ ที่ใดสักแห่งในหัวใจของเสียวเสี่ยวบิดเกร็งจนเจ็บแปลบนิดๆ กลับบ้าน นางร่อนเร่มาตั้งแต่อายุยังน้อยจนเติบใหญ่ เคยไปเยือนสถานที่ต่างๆ มามากมาย เว้นก็แต่ ‘บ้าน’ ที่ไม่เคยได้ไปมาก่อน ทุกครั้งที่ต้องลาจากสถานที่แห่งหนึ่ง นางมักอาลัยอาวรณ์เสมอ ทว่าอาจารย์กลับถอนหายใจบอกนางว่า ‘ที่ใดที่เราสบายใจ ที่นั่นก็คือบ้านเกิดของเรา’
นางปลอบใจตนเองด้วยคำพูดประโยคนั้นมาเนิ่นนานปีแล้วปีเล่า…จนกระทั่งวันนี้มีคนพูดกับนางว่า ‘กลับบ้านกันเถิด’
เสียวเสี่ยวคลี่ยิ้มสดใส ไฉนถ้อยคำที่เขาพูดจึงได้รื่นหูเพียงนั้น ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ขอเพียงได้อยู่ร่วมกันนานขึ้นแม้เพียงชั่วครู่ ก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือ ในที่สุดนางก็เข้าใจกระจ่างแจ้งว่าตนผิดพลาดอย่างไม่เข้าท่าที่สุดตรงไหน คิดจะล่อลวงคุณชายตระกูลดีงามไปกระทำความผิด…เรื่องชั่วร้ายพรรค์นี้ไม่มีทางทำได้สักนิด

Note: เล่ม 3 ของเรื่องนี้ก็เหมือนจะออกช่วงเดือนกุมภาซึ่งคิดว่าก็คงจะเป็นงานหนังสือเช่นกัน เฮ้อ…

(Book) รีวิว 簪中录 บันทึกปิ่น เล่ม 4

20180225_172217q

簪中录 บันทึกปิ่น เล่ม 4
ผู้เขียน : เช่อเช่อชิงหาน (侧侧轻寒) ผู้แปล : อรจิรา
สนพ.สยามอินเตอร์บุ๊คส์
8 เล่มจบ

400-3

มากันครึ่งทางแล้วสำหรับบันทึกปิ่น นิยายที่โดนดอง 5555 เราซื้อมาตั้งแต่วันแรกที่วางขาย แต่ไม่ว่างมารีวิวเสียที ตอนนี้ก็ได้โอกาสแล้วค่ะ

สำหรับในเล่มสี่นี้ก็ไม่ขอพูดมากค่ะ เพราะเนื้อเรื่องต่อจากในเล่มสามที่ทิ้งปมไว้ให้เราอยากรู้ต่อว่าจริงๆ แล้วคดีนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ให้เล่าเท้าความหน่อยก็คือเป็นคดีที่เกิดขึ้นเลียนแบบภาพวาดปริศนาของฮ่องเต้องค์ก่อน และพี่รองจางสิงอิงของนางเอกก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ตัวคดียังคงสนุกสนานเหมือนเดิมอีกทั้งยังเกี่ยวพันกับราชสำนัก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเราคือหวงจื่อเสียกลับชาติมาเกิดหรือไม่ (ผวั่ะ! โดนตบ) เลยพอเดาได้ว่ารูปคดีเกี่ยวกันยังไงบ้าง แม้จะไม่รู้วิธีการลงมือแต่ก็พอรู้ในเรื่องที่ว่าคนร้ายน่าจะเป็นใครและเรื่องส่วนตัวของราชบุตรเขย แต่เรื่องวิธีฆ่าขันทีในวัดนั่นเราเดาถูกค่ะ โอ้โห คนอะไรเก่งขนาดนี้ (โดนเตะ)

เล่มนี้ดำเนินเรื่องช้าค่ะ หมายถึงกว่าหวงจื่อเสียจะวิ่งไปวิ่งมากับโจวจื่อฉินจนหมดวันเนี่ยก็เกือบครึ่งเล่มแล้ว 55555 ยังคิดอยู่ว่าใช้เวลาเต็มที่จริงๆ แต่สนุกค่ะ อ่านแล้วเพลินดี

อ้อ ในเล่มนี้เราจะได้รู้จักกับตัวละครอีกหนึ่งตัวที่คิดว่าต้องสำคัญและเกี่ยวข้องกับหลี่ซูไป๋แน่ๆ เพราะมีปลาน้อยสีแดงเหมือนกัน แถมเรายังได้รู้ที่มาที่ไปของเจ้าปลาน้อยตัวนั้นที่ท่านอ๋องเลี้ยงไว้ในโหลใบน้อยด้วยนะคะ ขอบอกว่าที่มาของมันไม่ธรรมดา (ชวนอ้วก) สุดๆ

ส่วนเรื่องความหวานโรแมนติกของพระนางนั้น…เฮ้อ

ว่าไงดีล่ะ ถ้าคนที่อยากอ่านเพราะชอบฉากหวานๆ อาจขัดใจบ้างเพราะมันไม่มีโมเม้นต์แบบนั้นเลย แต่! อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี เราต้องเข้าใจก่อนว่าหวงจื่อเสียเก่งกาจเรื่องการไขคดีก็จริงแต่ก็ไม่ได้หัวไวในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ นัก แถมรักเดียวที่เคยรู้จักก็ยากจะลืมและทำให้นางเจ็บช้ำมากขนาดนี้

ที่เราจะพูดถึงคือพระเอกค่ะ ขุยอ๋องหลี่ซูไป๋ของเรานั้นเล่มนี้คือแบบดีงามมากกกกกกกกก (ก.ไก่หมดโลก) จากเล่มที่แล้วท่านอ๋องของเราเสียกิริยาถีบประตูรถม้าไปแล้ว เล่มนี้อัพเลเวลขึ้นมากลายเป็นท่านอ๋องขี้น้อยใจ พูดจาประชดประชันนางเอก (ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเข้าใจความหมายที่พระเอกอยากสื่อแต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี) ทำงอนนางเอกอยู่เกือบทั้งเล่ม แบบอุ๊ยน่ารักอ่าาา เล่มนี้ความรู้สึกอาจจะยังมึนๆ อยู่บ้างแต่ท่านอ๋องของเราก็พอจะเข้าใจความรู้สึกห่วงใยในตัวนางเอกแล้วล่ะค่ะ แถมยังน้อยใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียมากมาย เราว่าเล่มหน้าที่ทั้งสองคนเดินทางไปเสฉวนด้วยกัน ท่านอ๋องอาจจะรู้ใจตัวเองก็ได้นะ

สรุป เล่มนี้ก็ยังดีเหมือนเดิม คดีสนุกเหมือนเดิม ท่านอ๋องเสียกิริยาเยอะกว่าเล่มที่แล้ว (มาก) โจวจื่อฉินยังคงเป็นตัวชูโรงเช่นเคย (รักตาคนนี้จริงๆ 5555) เอา 8/10 ไปเลยค่ะ

Best Quote : ท่ามกลางแสงริบหรี่สุดท้ายบนท้องฟ้า รอยยิ้มบนใบหน้านางช่างดึงดูดสายตานัก ทำให้หลี่ซูไป๋ใจลอยไปชั่วขณะ

Note: กว่าจะได้อ่านเล่ม 5 นี่เดือนไหนอ่ะ น่าจะเดือนมีนาหรือเปล่านะ อาจจะปลายเดือนแต่คิดว่าคงวางพร้อมงานหนังสือ ฮือออ อยากอ่านต่อแล้ว T^T (แต่นี่ก็จะหมดเดือนกุมภาแล้วเนอะ)

 

(Book) รีวิว 簪中录 บันทึกปิ่น เล่ม 3

IMG_20171213_100730

簪中录 บันทึกปิ่น เล่ม 3
ผู้เขียน : เช่อเช่อชิงหาน (侧侧轻寒) ผู้แปล : อรจิรา
สนพ.สยามอินเตอร์บุ๊คส์
8 เล่มจบ

400-3

เล่มนี้ก็ยังรักษาความดีงามเอาไว้ได้ไม่เสื่อมคลายค่ะ อ่านไปอ่านมาคล้ายจะค่อยๆ ดีงามขึ้นเรื่อยๆ เสียอีก

เล่มนี้เป็นรวมมิตรตัวละครค่ะ จากเดิมคิดว่าท่านอ๋องคงจะพาหวงจื่อเสียไปเสฉวนเป็นแน่แท้ในเล่มนี้ ที่ไหนได้กลับมีคดีฆาตกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับวังหลวงอีก ทำให้การเดินทางต้องเลื่อนออกไป และหวงจื่อเสียต้องเผชิญหน้ากับคดีที่ชวนหัวหมุนเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องเริ่มต้นจากมีขันทีในจวนองค์หญิงผู้หนึ่งถูกไฟเผาร่างกลางวัดที่มีคนคึกคัก ทุกคนล้วนเชื่อกันว่าเป็นเพราะกรรมตามสนอง ต่อมาหวงจื่อเสียก็ได้พบว่าคดีนี้อาจมีจุดเชื่อมโยงกับคดีที่ตามมาอีก สืบไปสืบมาดันเกี่ยวข้องกับเรื่องในจวนขององค์หญิงและราชบุตรเขยที่ดูมีเงื่อนขำ อีกทั้งยังไปเกี่ยวข้องกับพี่รองจางสิงอิงของนางที่บังเอิญได้ช่วยเหลือหญิงสาวปริศนาผู้หนึ่งเอาไว้

คดีลึกลับซับซ้อน ใจคนก็ยากแท้หยั่งถึง เล่มนี้หวางอวิ้นแน่ใจแล้วว่าขันทีหยางฉงกู่ก็คือหวงจื่อเสียสตรีที่ทำให้เขาต้องอับอายขายหน้าผู้นั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจะดึงดันว่านางยังคงเป็นสตรีที่มีพันธะหมั้นหมายกับเขา

ไม่ใช่คนเดียวที่ทำให้หวงจื่อเสียปวดหัว เพราะมีอีกหนึ่งตัวละครที่รอกันมานานปรากฎตัวเสียทีนั่นก็คืออวี่เซวียน นอกจากจะได้เจอกันโดยบังเอิญและเขายังห่างเหินเย็นชากับนางแล้ว อวี่เซียนยังเกี่ยวข้องกับเรื่องในจวนขององค์หญิงและราชบุตรเขย เล่มนี้เราจึงได้เห็นว่าที่แท้แล้วหวงจื่อเสียนั้นก็มีอารมณ์หญิงๆ อยู่เยอะพอสมควรเหมือนกัน

ไม่พูดถึงพระเอกหน่อยก็ดูจะประหลาดไป เล่มนี้คล้ายหลี่ซูไป๋จะเริ่มสับสนแล้วว่าที่แท้ตนรู้สึกอย่างไรกับหวงจื่อเสียกันแน่ และเพราะผู้ชายคนนั้นโผล่มา อีกเดี๋ยวคนนี้ก็โผล่มา ทำให้ท่านอ๋องของเราต้องข่มความไม่พอใจ (หึงนั่นเอง) เอาไว้ลึกๆ และ…แม่เจ้า ในที่สุดพี่แกก็เสียกิริยา ถีบประตูรถม้าดังโครมด้วยความโมโหจัดจนได้

…ท่านอ๋อง ท่านก็มีวันนี้ด้วยหรือ 112377771

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือโจวจื่อฉิน ยิ่งอ่านยิ่งรักผู้ชายคนนี้ ถือเป็นตัวชูโรงให้เรื่องได้เลยค่ะ ความซื่อๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวของเขานี่ทำให้คนหลงรักได้เลยนะ โผล่มาทีไรเป็นต้องขำผู้ชายคนนี้ตลอด โจวจื่อฉินนับถือหวงจื่อเสียมากขนาดที่ว่าตั้งชื่อม้าของตัวเองว่าเสี่ยวเสีย เป็นเสียจากหวงจื่อเสียด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ

เล่มนี้ให้ 8.5/10 ค่ะ ตัดเพราะอารมณ์ค้างมากเนื่องจากว่าคดีมันยังไม่จบในเล่ม! (เฮือกกกก) และกว่าจะได้อ่านเล่มสี่ก็อาจต้องรออีกสองเดือน ซึ่งมันนานไปเนอะ แล้วเล่มนี้นางเอกหัวช้าเรื่องความรักไปหน่อย ปักใจแต่กับคนรักเก่า ท่านอ๋องของข้าพูดจาแสดงความน้อยอกน้อยใจยังคล้ายจะเข้าใจไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น อาเสียเอ๋ยอาเสีย แต่นับว่าสนุกมากค่ะ ไม่เสียทีที่อ่าน

Best Quote : สายตาเขานิ่งจ้องนาง น้ำเสียงราบเรียบ “หากไม่มีน้ำผึ้ง แต่ยังดึงดันจะเด็ดของพรรค์นี้มากิน ไยมิใช่หาเรื่องกินของขม”
หวงจื่อเสียหลุบตา ขบริมฝีปากล่างเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เหมือนคนดื่มน้ำ เย็นร้อนตัวเองรู้ ผู้ไม่รู้รสชาตินั้น บางทีอาจสัมผัสมิได้”

Note: เซ็งกับสยามอินเตอร์มากค่ะ ช่วงที่หนังสือเล่มแรกออกบอกว่าจะออกเดือนละเล่ม แต่ไปๆ มาๆ ดันบอกว่าจากเล่มสามไปจะออกสองเดือนเล่มนะ เฮ้ยยยย รับไม่ได้ มันนานไป อำมหิตมาก ตอนนี้เราอ่านนิยายค้างหลายเรื่องจนเอาเนื้อหามายำมั่วในสมอแล้วค่ะ เดี๋ยวอ๋องสาม อ๋องสี่ อ๋องเจ็ด องค์ชายสิบเจ็ด นั่นก็อ๋อง นี่ก็องค์ชาย ตีกันมั่วซั่วไปหมด และทุกเรื่องล้วนยังออกไม่ครบเล่มทั้งสิ้น เฮ้อ…ไม่ได้ท่องยุทธภพก็ล้วนโดนดาบได้ทั้งนั้น

(Book) รีวิว 匣心记 หงส์กรีดปีก เล่ม 1

dltlcovvaaag4ph

匣心记 หงส์กรีดปีก เล่ม 1
ผู้เขียน อู่เชี่ยน
ผู้แปล เฉียนอวี๋
สนพ.สยามอินเตอร์บุ๊คส์
7 เล่มจบ

400-3

เป็นอีกเล่มหนึ่งที่ดองไว้นานกว่าจะมีโอกาสหยิบมาอ่าน ไม่ใช่เพราะอะไรค่ะ เพราะจำนวนเล่มที่เยอะและต้องรอเวลานานเกือบหนึ่งปีกว่าจะออกครบ แถมเนื้อเรื่องยังดราม่าหนักหน่วง เราเองไม่เคยอ่านรีวิวเรื่องนี้มาก่อนเลยไม่แน่ใจว่าจบดีหรือเปล่า ท้อมากค่ะ แต่ในที่สุดก็หยิบมาอ่านจนได้และไม่ผิดหวังเลย

เรื่องนี้แหวกกฏนางเอกตรงที่ชิงเถียนผู้เป็นนางเอกของเรื่องเป็นหญิงนางโลมระดับสูงหรือที่เรียกว่ากวานเหริน นางเป็นนางโลมที่ไม่ได้ขายเพียงศิลปะด้วย ดังนั้นออกตัวก่อนว่าใครชอบนางเอกใสบริสุทธิ์คิดว่าไม่เหมาะกับเรื่องนี้ค่ะ

นางเอกของเราเป็นนางโลมในหอไหวหย่าตั้งแต่เด็กและนางก็ได้รู้จักกับเฉียวอวิ้นเจ๋อที่แต่เดิมเป็นเพียงช่างตัดเสื้อเล็กๆ แต่มีมานะอยากเป็นบัณฑิต นางก็แอบยื่นเงินคอยช่วงเหลือเขามาโดยตลอดจากเงินที่ได้ในแต่ละครั้งตอนที่ลูกค้าของนางมอบให้ ยอมโดนท่านแม่ (ในหอไหวหย่า) ตบตีสั่งสอนไม่ให้เอาเงินให้เจ้าหนุ่มนี่นางก็ไม่ร้องสักแอะจนท่านแม่ถอดใจไม่ตี ทำหลับตาข้างลืมตาข้าง กระทั่งเจ้าลูกเต่าเฉียวผู้นี้ได้เป็นจอหงวน เรื่องก็ถึงคราวพลิกผันค่ะ

ก่อนหน้านี้นางเอกได้เจอกับท่านสามฉีเซอและเผลอพูดหยามหมิ่นเขาไปด้วยเรื่องตลกที่ไม่ควรเล่าก่อนจะมารู้ภายหลังว่าอีกฝ่ายเป็นอ๋องสามขาเป๋ที่ตอนนี้เป็นผู้สำเร็จราชการของฮ่องเต้น้อย ฉีเซอผู้นี้พบเจอเรื่องแย่ๆ มากมายมาในอดีตและตอนนี้ก็ไม่ต่างกันกระทั่งได้มาเจอชิงเถียนที่ทำให้เขารู้สึกต้องใจนางตั้งแต่แรกพบแม้อีกฝ่ายจะเผลอทำให้เขาไม่พอใจในการพบหน้าครั้งแรกก็ตาม

ในขณะที่ฉีเซอเฝ้าแสดงความรักต่อนางโลมชิงเถียน ชิงเถียนที่เฝ้ารักเฉียนอวิ้นเจ๋อก็กำลังรอคอยให้เขามาขอนางแต่งงานตามที่อีกฝ่ายสัญญาไว้ แต่เรื่องกลายเป็นว่าเขากลับไปขอเป็นเขยคนในราชสำนักคนหนึ่งและมีเหตุการณ์ชี้ชัดราวกับเขาตั้งใจจะฆ่านางให้ตายทำให้ชิงเถียนเจ็บปวดมาก เรื่องในเล่มหนึ่งจบลงตรงที่ว่าชิงเถียนแม้จะเจ็บแค้นและแน่นอนว่ายังทำใจไม่ได้กับคนรักที่หักหลังแต่นางก็บอกตนเองว่าจะไม่ยอมแพ้และยอมตายเด็ดขาดและต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแม้จะเป็นในวังวนเช่นนี้ก็ตาม

สิ่งที่ชอบคือเรื่องนี้พูดถึงชีวิตนางโลมได้ละเอียดมากกกกก บอกกระทั่งว่าวิธีไหนที่นางโลมใช้เพื่อรั้งให้แขกอยู่กับตนต่อ วิธีไหนเป็นวิธีลับของนางโลมเพื่อช่วยทำให้ตรงนั้นกระชับ (อื้มมมม) เรื่อยไปจนถึงว่านางโลมชั้นสูงๆ นี่ได้เงินมากมายเลยนะในหนึ่งคืน ไม่ใช่แค่เพียงการใช้ร่างกายแต่กระทั่งถูกเชิญไปออกงาน ดีดพิณ กรีดผีผา กระทั่งก้าวเท้าออกจากเกี้ยวทุกอย่างก็เป็นเงินแล้ว คืนหนึ่งๆ หากมีลูกค้ามากกว่าสองคนต้องการพูดคุยสนทนากับนางโลมคนเดียวกัน นางก็ต้องแวะไปหาคนนั้นทีคนนี้ที และหากมีฝ่ายใดไม่พอใจ วิธีการที่ดีที่สุดคือการพูดถึงอีกฝ่ายในแง่ร้ายให้อีกฝ่ายฟัง

และไม่ใช่แค่เพียงเรื่องพวกนี้แต่ซีนอารมณ์คือเจ็บมาก บอกเล่าชีวิตนางโลมได้ดีเยี่ยมจนเราเข้าใจถึงความเจ็บปวดของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสิทธิ์เหนือร่างกายตัวเอง วันๆ หนึ่งต้องทนเจอหน้าผู้ชายหลากหลายเพื่อหาเงินมาให้เจ้าลูกตะพาบตัวหนึ่งที่สุดท้ายก็ทรยศนางแบบนี้ เราสงสัยมากว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง เพราะแค่เล่มแรกน้ำตาก็ไหลพรากแล้วอ่ะ เราก็เลยแบบเฮ้ย มันยังไปได้อีกเหรอ นี่สุดๆ มากแล้วนะ (ฮ่าๆๆๆ)

พูดถึงพระเอกบ้างดีกว่า เรื่องนี้นางเอกไม่บริสุทธิ์ พระเอกก็ไม่สง่างามเช่นกันเพราะถึงเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแต่มีจุดด้อยตรงที่ขาเป๋เล็กน้อยนี่แหละ (เหตุเพราะอะไรไปอ่านในเล่มเอาเองนะคะ) อีกหนึ่งอย่างคือ…ฮีสร้างเรื่องฉาวโฉ่กับฝ่ายใน (เรื่องอะไรไปอ่านเอาเองเช่นกัน) คือมันเพิ่งเล่มแรกอ่ะเนอะ แม้จะรับรู้เรื่องปูมหลังของพระเอกมาบ้างแล้วแต่เราคิดว่าวงเล็บหลังนี่ต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉีเซอทำแบบนั้นแน่ๆ บางทีอาจเพื่ออำนาจ และพระเอกของเราไม่ได้หล่อสุภาพบุรุษนะจ๊ะะะ นางโหดโฉดชั่วอย่างกับตัวร้ายเลยล่ะ มีแต่ตอนอยู่กับนางเอกนี่แหละที่พอจะดูเป็นพระเอกได้บ้าง เพราะถึงอีกฝ่ายจะเป็นนางโลมและเขาเป็นอ๋อง แค่กวักมือครั้งเดียวคนก็แทบจะยกนางไปวางบนเตียงให้เขาแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น ในเล่มแรกนี้พระเอกยังไม่แตะต้องนางเอกเลยนะ เพราะฮีจะรอให้ชิงเถียนมอบตัวและหัวใจให้เขาเอง

แต่ว่าช่วงหลังเล่มนี้ฮีงอนนางเอกอยู่เลยไม่ได้มาหาและมาช่วยนาง จนทำให้นาง….แงงงง

มาพูดกันอีกเรื่องดีกว่า เป็นสิ่งที่ชอบมากคือสำนวน เขียนดีมากกกกก นี่ถ้าอ่านภาษาจีนได้คงเข้าใจว่าต้องเป็นหนังสือที่เล่นสำบัดสำนวนและเลือกสรรคำพรรณาได้ดีมากแน่ๆ แต่ฉบับแปลไทยนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันค่ะ อ่านได้สละสลวยและเพลิดเพลินสุด เล่มนี้ครบรสมาก (แม้จะดราม่าหนักหน่วงก็ตาม) เราให้ 9/10 เลยค่ะ สนุกแต่ดราม่าไปนิดตั้งแต่เล่มแรก กลัวใจช่วงใกล้จะจบมาก ความจริงกลัวตั้งแต่เปิดอ่านหน้าแรกของเรื่องแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ อย่าจบโหดเลยนะ เราทำใจไม่ได้

Best Quote : “อย่าบอกว่าชีวิตตัวเองโหดร้าย เจ้าดูเหล่าสตรีเมื่อครู่นั่น พวกนางล้วนมีบิดามารดาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มาเช่นกัน ใครจะทราบว่าชีวิตถึงกับหักเหไปได้ปานนี้ แม้แต่ม้าแต่วัวที่ลากรถยังดีกว่า แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นก็ต้องมีคนยากจนเร่ร่อนมาอิจฉาพวกนาง ที่อย่างน้อยกลางวันมีข้าวกิน กลางคืนมีที่นอน” นางตบไหล่จ้าวฮวา เอ่ยซ้ำ “อย่าบอกว่าชีวิตตัวเองโหดร้าย เจ้ายังไม่เคยเห็นคนที่ทุกข์ยากจริงๆ”

(ความจริงที่หลายประโยคที่ชอบค่ะ เขียนสวยเขียนดีทุกซีน แต่ถ้าให้เอามาหมดสงสัยจะยาวยืดยาดแน่ๆ เลยตัดสินใจยกมาแค่ไดอะล็อกเดียว ไว้ไปเพลิดเพลินกันต่อได้ในเล่มนะคะ)

Note: อืม…หลังจากเขียนรีวิวจบเลยไปหาข้อมูลว่า เข้าใจว่าคงจบไม่แฮปปี้อ่ะ แงงง 匣心记 ชื่อภาษาจีนมันแปลว่าดวงใจในกล่อง (หน้าแรกของเรื่องพูดถึงกล่องที่ถูกยื่นให้นางเอกเลยคิดว่าเฮ้ยถ้าในกล่องนั้นเป็นหัวใจของพระเอกล่ะเมิ๊งงงงง) ไม่เอา กลัวแล้ว ทำไงดี กลัวววววว ถ้าดราม่าขนาดนี้ไม่ควรเขียนจั่วหน้าปกว่าเป็นนิยายรักนะ ฮ่าๆๆๆ / ยิ้มทั้งน้ำตา

 

Update: ทางแฟนเพจของสยายเอารีวิวเล่มนี้ของเราไปลงด้วยค่ะ ตกใจหมดเลย ขอบคุณมากนะคะ T^T

Screenshot_20180109-074748

(Book) รีวิว อาจารย์…เป็นคนชั่วช่างยากเย็นเหลือเกิน เล่ม 1

9786163123763l

อาจารย์…เป็นคนชั่วช่างยากเย็นเหลือเกิน เล่ม 1
ผู้เขียน Na Zhi Hu Li
ผู้แปล กู่ฉิน
Happy Banana
4 เล่มจบ

400-3

เรื่องนี้อ่านนานแล้วค่ะแต่ไม่ได้หยิบมาเขียนถึงเสียที ตอนนี้ว่างๆ (ความจริงไม่ว่างหรอกแต่ไม่อยากแก้วิจัย ฮ่าๆ) ก็เลยเขียนถึงดีกว่า ลืมๆ เนื้อเรื่องไปบ้างยังไงก็อาจไม่ได้พูดถึงละเอียดมากนะคะ

เรื่องนี้ความจริงแล้วไม่ได้อยากอ่านหรอกนะ เพราะลองอ่านชื่อเรื่องแล้วแบบ หืม…อะไร ลองอ่านคอมเม้นต์ในทดลองอ่าน (ที่เราไม่ได้อ่าน) ก็เห็นคนบอกว่าไหนพระเอก สับสนมาก อะไรประมาณนี้ เราเลยไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไร แต่ช่วงนั้นเบื่อๆ ตะลุยอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้าแล้วก็ได้อ่านเล่มนี้ด้วย หลังจากนั้นก็เลยแบบ เฮ้ย ชอบอ่ะ ความรู้สึกนี้อีกแล้วค่ะ

เรื่องนี้พูดถึงจั่วเสียวเสี่ยวเด็กสาวที่เติบโตมาข้างกายอาจารย์ของนางผู้ที่ร่อนเร่ติดหนี้ชาวบ้านไปทั่วปฐพี แต่วันหนึ่งกลับบาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ชีวิต ก่อนตายอาจารย์สั่งเสียนางไว้ประโยคเดียวว่า “อย่าได้เป็นคนดีเด็ดขาด” เสียวเสี่ยวก็เลยทำตามสุดชีวิต

เรื่องนี้เปิดมาอาจารย์ก็โดนเผาไปแล้วค่ะ (ตอนแรกเอะใจนิดนึกว่าทำไมถึงเผาเพราะส่วนมากนิยมฝัง แต่อ่านไปเรื่อยๆ นิยายจะเฉลยค่ะว่าทำไม ซึ่งเราชอบความคิดนี้มาก) หลังจากนั้นเสียวเสี่ยวก็หอบหิ้วของติดตัวไปไม่กี่ชิ้น (สมุดหนี้ของอาจารย์ พิณของอาจารย์ บ๊วยของอาจารย์ ส่วนหนังสือภาพวังวสันต์นางเอาไปเผา) ตั้งแต่ลงเขาก็มีคนมาทวงหนี้ของอาจารย์นางมากมาย จนนางคิดว่าเอาล่ะต้องเป็นคนชั่วเสียแล้ว นางหิวก็เลยคิดว่าการเป็นคนชั่วย่อมเริ่มต้นจากการเป็นโจร เสียวเสี่ยวเลยตรงไปปล้นขบวนการเดินทางที่ผ่านทางมาแต่ทั้งที่ตั้งใจจะเป็นคนชั่วกลับถูกมองว่าเป็นคนดีเสียอย่างนั้น หลังจากนั้นเพราะไปพัวพันกับขบวนนักเดินทางนี้เข้าและได้รู้ตัวจริงของพวกเขาแล้วทำให้นางปลีกตัวหนีไม่ได้ คราวนี้ก็เริ่มเข้าสู่พล็อตหลักค่ะ

เสียวเสี่ยวถูกดึงตัวเข้าไปพัวพันกับเรื่องในยุทธภพและเรื่องปริศนามากมายทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม และนางก็พยาย๊ามพยายามทำตัวเป็นคนชั่วแต่ก็นั่นแหละ นางเอกโชคดีมากที่ทำชั่วไม่ขึ้น ถูกมองว่าเป็นคนดีตลอด ตรงนี้แหละที่ขำมาก เพราะนางไม่เป็นวรยุทธ ทำอะไรก็ทำไปแบบงูๆ ปลาๆ แต่ดันมีเรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นกับนางเสียได้

ส่วนพระเอก (คิดว่าเป็นพระเอกนะคะ เพราะบทในเรื่องนี้ค่อนข้างน้อยอยู่) คือเหลียนเจาแห่งสกุลเหลียน โดยสกุลเลียนถูกเรียกว่าเป็นเทพธนูสกุลเหลียนเพราะมีฝีมือด้านการยิงธนู (เท่มากกกกก เราเป็นคนชอบหนุ่มยิงธนู ฮ่าๆๆ) แต่ชาวยุทธ์ไม่ใคร่จะสนใจเพราะพวกเขาเป็นคนของพวกเจ้าขุนมูลนายอะไรทำนองนั้น เหลียนเจาเองก็บังเอิญเข้าร่วมกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ และฮีซื่อมากแบบซื๊อซื่อเป็นคนดีสุดๆ เห็นแล้วเอ็นดู แต่ด้วยความที่พี่อ่านมาเยอะเขียนมาเยอะ คิดว่าเหลียนเจาอาจจะเป็นพวกเก่งซ่อนคมก็ได้ค่ะ ไม่แน่ตอนหลังอาจเริ่มแสดงอภินิหารอะไรสักอย่างออกมา (อย่าทำให้เสียหน้าเชียวนะอาเจา ฮ่าๆๆ)

เล่มนี้พล็อตหลักจบในเล่มค่ะ แต่ทอดไปถึงพล็อตของเล่มสองด้วย นี่กลายเป็นว่ารอติดตามยังไงไม่รู้ ปกติเราไม่ชอบนิยายแนวยุทธภพกับเทพเซียน แต่ว่าเรื่องนี้ให้ผ่านสามผ่านเลย บรรยายสนุก ตัวละครมีมิติ (แม้นางเอกจะแบนๆ ชวนให้ตลกทุกครั้งก็เหอะ) ก็เลยชอบเป็นพิเศษค่ะ ให้ 8.9/10 อยากอ่านต่อมากๆ

Best Quote 1 : จริงดังที่อาจารย์ว่าไว้ คุณธรรมหลักการนับเป็นสิ่งใด ไม่ว่าเมื่อไรทุกคนก็คิดแต่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเท่านั้น

Best Quote 2 : ตอนนั้นนางอายุน้อยยังไม่เข้าใจ อาจารย์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ‘รู้หรือไม่เสียวเสี่ยว เพราะไฟดูร้อนแรง ผู้คนบังเกิดความกลัวเกรงจึงมีน้อยคนนักที่จะตายด้วยไฟ ในขณะที่น้ำดูอ่อนโยน ผู้คนเล่นกับน้ำโดยไม่ระมัดระวังจึงสังเวยชีวิตไปมากมาย ยุทธภพก็เฉกเช่นเดียวกัน หากเจ้าแสดงความอ่อนแอ อีกฝ่ายก็จะดูแคลนเจ้า เมื่อดูแคลนเจ้าก็จะมองข้าม ระหว่างประมือก็จะไม่ทุ่มเทสุดกำลัง ตอนนี้นี่เองจะเอาชัยได้ง่ายที่สุด’

Note : วันนี้ (7/12/60) บันทึกปิ่นเล่ม 3 วางตลาดแล้ว กดสั่งซื้อไปเรียบร้อยตั้งแต่เช้า กดส่งด่วนด้วย แต่ตอนนี้ (18:35) ยังไม่ได้รับสถานะใดๆ เลย เกิดไรขึ้นหว่า

(Book) รีวิว คำให้การจากศพ

20171110_124224

คำให้การจากศพ
ผู้เขียน ฉินหมิง
ผู้แปล ชาญ ธนประกอบ
CRIME&MYSTERY

400-3

หยิบเล่มนี้มาเพราะอยากลองอ่าน และก็พบว่าโอเค ไม่ใช่แนวนะ ฮ่าๆๆ
ความจริงแล้วเราชอบเรื่องราวทางนิติเวชนะ และเล่มนี้ก็อัดมาแน่นเลยเชียว แต่มันเสียตรงที่ว่ามันเป็นเหมือนตอนสั้นๆ และไม่ได้วางพล็อตอะไรเท่าไรนั่นเอง

หนังสือเล่มนี้พูดถึงตัวคนเขียนเองนั่นแหละซึ่งก็คือฉินหมิง ร่ายมาตั้งแต่เขาเลือกเรียนวิชานี้เพราะอะไร กระทั่งเขาได้ทำงานต่างๆ กับอาจารย์และบรรดาตำรวจ ในเล่มนี้จะมี 20 คดี และแต่ละคดีก็จะพูดถึงศพว่าก่อนตายโดนอะไร ผู้ตายคือใคร อะไรทำนองนี้

แต่ละตอนเป็นตอนสั้นๆ ไม่ได้ยาวมาก แล้วก็ไม่ได้ต่อเนื่องกันด้วยเพราะจบในตอน เราเองก็บ่นอะไรไม่ได้นะเพราะตัวผู้เขียนเขาแจ้งไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าเขาแค่อยากเขียนบรรยายเรื่องพวกนี้ออกมาเป็นตัวหนังสือ และเขาก็เป็นแพทย์ด้านนี้ เขียนหนังสือไม่เก่ง วางพล็อตไม่เป็น ปรมาจารย์ทั้งหลายอย่างด่าว่าเขานัก อ่านแล้วก็ยิ้ม แบบเออ ว่าไม่ได้แล้วไง

เราให้ 7/10 ละกัน สนุกตรงที่นำเสนอการผ่าศพแบบถึงลูกถึงคนมาก เห็นภาพดีมาก แต่พล็อตนี่ถ้าลุงลองคุยกับผู้ดูแลหน่อยก็น่าจะดี ทำออกมาเป็นเรื่องยาวๆ เลยคงจะสนุกมาก แต่ก็เห็นออกมาแล้วตั้งหลายเล่มนี่ทั้งที่ลุงแกบอกว่าจะออกกี่เล่มก็แล้วแต่อนาคต (มีปกป้องตัวเองล่วงหน้าอีกแล้วเห็นมะ ฮ่าๆๆ)

Note: ตอนซื้อเรื่องนี้มาโดนเพื่อนมองแปลกๆ มากเพราะคำว่า “ศพ” มันใหญ่มากจนสะดุดตาคนที่มองมา เพื่อนบอกว่าทำไมอ่านอะไรแบบนี้ อีกคนก็ว่าจะย้ายไปเรียนกับคุณหมอพรทิพย์แล้วเหรอ จ้าาา สนุกปากกันไป ฮ่าๆๆ

(Book) รีวิว บนดวงจันทร์ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

capture-20171112-181444

บนดวงจันทร์ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
ผู้เขียน Shirley Jackson
ผู้แปล โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล
แมร์รี่โกราวด์ พับลิชชิ่ง

400-3

วรรณกรรมแปลจากชื่อเรื่องต้นฉบับ We Have Always Lived in the Castle ที่เรารู้จักได้เพราะเพจรีวิวหนังสือชื่อดังเพจหนึ่งได้เอามารีวิวไว้ ตอนนั้นพยายามอ่านภาษาอังกฤษแล้วคิดว่าโอเค ไม่รอดแน่เพราะตัวหนังสือยิบๆ เป็นมดเดินเลย ดังนั้นอ่านไปได้ไม่เท่าไรเลยยอมแพ้ แล้วมาเห็นอีกทีในศูนย์จุฬาฯ ก็ยังตกใจว่าไทยเอามาแปลตั้งแต่เมื่อไรกันนะ แถมตั้งชื่อเรื่องไปคนละทางกับชื่อต้นฉบับก็เลยผ่านมาไปบ้าง แต่พอหยิบมาอ่านแล้วก็พบว่าอืม โอเคเลยนะ

เรื่องนี้เล่าถึงแมร์ริแค็ท แบล็ควูด กับพี่สาวคอนสแตนซ์ แบล็ควูด ผู้รอดชีวิตจากเหตุวางยาพิษฆาตกรรมหมู่ในปราสาทของครอบครัวแบล็ควูดเมื่อหกก่อน โดยฆาตกรวางยาเบื่อหนูในอาหารเย็นของวันนั้นเอง นอกจากสองพี่น้องที่รอดชีวิตก็ยังมีอาจูเลียนอีกคนที่ถึงไม่ตายก็เป็นไม้ใกล้ฝั่งเต็มที่
เราชอบสำนวนและวิธีการเล่าเรื่อง อ่านเป็นภาษาไทยแล้วพบว่าโอเคกว่าการพยายามอ่านภาษาอังกฤษ (โทษตัวเองอย่างเดียวอันนี้ ฮ่าๆๆ) อย่างน้อยคนแปลก็ยังคงความดาร์กของสองพี่น้องแบล็ควูดเอาไว้ได้ เรื่องนี้ให้ 8.5/10 เล่มบางๆ แต่ตัวหนังสือแน่นเอี๊ยด เห็นหลายคนบอกว่ามันดาร์กอย่างนั้นอย่างนี้แต่อาจเพราะเป็นคนที่อ่านอะไรที่มันค่อนข้างไม่สมวัยมานานทำให้รู้สึกเฉยๆ ไปบ้าง แต่ก็เทียบมาตรฐานโดยทั่วไปแล้วก็คือสนุกและบรรยายเห็นภาพ นี่คือจุดที่ชอบที่สุด

 

Best Quote : ฉันนึกถึงชาร์ลส์ ฉันสามารถทำให้เขากลายเป็นแมลงวันและเอาไปหย่อนในใยแมงมุม เฝ้ามองเขาติดอยู่ในนั้น ดิ้นรน และสิ้นหวัง ถูกขังไว้ในร่างของแมลงวันที่ส่งเสียงหึ่งๆ และกำลังจะตาย ฉันจะภาวนาต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะตายไปจริงๆ ฉันจะมัดเขาไว้กับต้นไม้และปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น จนกว่าร่างของเขาจะเปลี่ยนเป็นลำต้น และมีเปลือกไม้งอกออกมาปิดปาก ฉันจะฝังเขาไว้ในหลุมศพซึ่งเคยเป็นที่หลบภัยของกล่องเหรียญเงินมาตลอดจนกระทั่งเขาปรากฏตัวขึ้น ถ้าเขาอยู่ใต้พื้นดิน ฉันจะเดินย่ำไปมาและกระทืบซ้ำ

Note: คิดว่าถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนเขียนนิยายชื่อ Running Through The Trees ก็คงจะดีมาก เพราะความคิดของนังแมร์ริแค็ทที่ความคิดเพี้ยนๆ เหมือนกันกับยัยชาร์น่าของเราเลย

(Book) รีวิว บิลลี่ มิลลิแกน ชาย 24 บุคลิก

20171111_171412

บิลลี่ มิลลิแกน ชาย 24 บุคลิก

ผู้เขียน Daniel Keyes ผู้แปล นรา สุภัคโรจน์

สำนักพิมพ์ อมรินทร์

400-3

จะพูดว่านิยายก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากตัวตนของคนที่ (เคย) มีชีวิตอยู่จริงๆ เพราะฉะนั้นควรจะเรียกว่าเป็นนวนิยายชีวประวัติบุคคลจะดีกว่า บุคคลที่ว่าคือวิลเลี่ยม สแตนลีย์ มิลลิแกน หรือบิลลี่ มิลลิแกนที่เราคุ้นเคย หากใครเคยดูหนังเรื่อง Split (2016) จะพบว่าโครงเรื่องคล้ายกัน นั่นก็เพราะหนังเรื่องนี้หยิบยืมเค้าโครงของบิลลี่ มิลลิแกนมาสร้าง และเจมส์ แม็คอะวอยก็ถ่ายทอดมันออกมาได้ดีมากเช่นกัน

บิลลี่ มิลลิแกนคือชายคนหนึ่งที่พบเจอกับการทารุณกรรมในวัยเด็ก ทำให้บุคลิกของเขาแตกออกมากถึง 24 บุคลิก หนังสือเล่มนี้เล่าถึงเรื่องราวที่ทำให้เขาโดนจับฐานปล้นชิงทรัพย์และข่มขืนเหยื่อในมหาวิทยาลัย แต่ตัวตนของบิลลี่ในขณะที่ถูกเข้าจับกุมตัวกลับปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นๆ และยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาไม่ได้ทำและไม่รู้เรื่อง

ในตอนแรกตำรวจเชิญจิตแพทย์มาเพื่อทดสอบว่าบิลลี่โกหกหรือไม่ แต่ผลกลับปรากฏว่าพวกเขาได้พบอะไรมากกว่านั้นคือชายคนนี้มีบุคลิกที่แตกต่างในตัวถึง 10 บุคลิก แต่หลังจากที่เข้ารับการรักษานานไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วบิลลี่ยังมีอีกหลายบุคลิกหลบซ่อนอยู่ในตัว เป็นบุคลิกที่ถูกเรียกว่า “ผู้ไม่พึงปรารถนา” หรือ “พวกนอกคอก” อีก 13 บุคลิกที่ไม่ได้ “ออกโรง” กับบุคลิกที่ 24 ที่ถูกเรียกว่า “ครู” รวมทั้งหมดเป็น 24 บุคลิก

ตัวตนจริงๆ ของบิลลี่นั้นไม่รู้ว่าเขามีบุคลิกอื่นซ่อนอยู่ในตัว เขารู้เพียงแต่ว่าเวลาของเขาหายไป เขาจดจำไม่ได้ว่าไปทำอะไรมา รู้เพียงแต่ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นและเขาไม่ได้เป็นคนทำสิ่งนั้นๆ นั่นทำให้เขาพยายามฆ่าตัวตายตอนอายุ 16 เพราะพยายามจะฆ่าตัวตายทำให้เขาถูกบุคลิกอื่นในตัวกดดันให้ “หลับ” ต่อไปอีกหลายปี และถูกควบคุมจิตใจโดยบุคลิกอื่นๆ แทน

บุคลิกหลักที่เป็นตัวควบคุมคืออาเธอร์ ชายชาวอังกฤษ สวมแว่น ฉลาด มีเหตุผล หยิ่งยโส เขาจะเป็นใหญ่เมื่อสถานการณ์ปลอดภัย และเป็นคนคอยควบคุมว่าใครจะได้ออกโรง ในขณะที่หากอยู่ในสถานการณ์อันตราย บุคลิกที่ชื่อเรแกน ชายชาวยูโกสโลวาเกีย พูดอังกฤษสำเนียงสลาฟ ผู้พิทักษ์ความโกรธเกลียดที่แข็งแกร่งจะเป็นคนควบคุม

นอกจากนี้ยังมีบุคลิกอื่นๆ ที่สำคัญคืออัลเลน ทอมมี่ แดนนี่ เดวิด คริสทีน ที่จะเห็นว่ามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตของบิลลี่มาก

หากได้อ่านหนังสือเราจะได้ทำความคุ้นเคยกับทุกๆ บุคลิกจนค่อยๆ ชอบพวกเขาบางคนและเกลียดพวกเขาบางคน (แน่นอนว่าต้องเป็นพวกนอกคอก) และเราอาจถึงขั้นอยากให้พวกเขาสามารถมีตัวตนจริงๆ ด้วยซ้ำ ตอนที่อ่านเรารู้สึกสนุกเหมือนได้เข้าใจบิลลี่มากขึ้น พร้อมกันนั้นในตอนสุดท้ายเราก็พบว่าชายคนนี้น่าสงสารเพียงใดกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ

หนังสือเล่มนี้ถึงจะหนา (494 หน้า ขนาดยาวกว่าหนังสือปกติ และพิมพ์ตัวกระจิ๊ดเดียว) แต่อ่านแล้วจุใจเต็มอิ่มมาก อีกทั้งยังหลงเหลือความรู้สึกหน่วงแปลกๆ ไว้ในตอนสุดท้ายด้วยซ้ำ เพราะงั้นเอาไปเลย 9/10
บิลลี่ มิลลิแกนอาจถูกมองว่าเป็นผู้ป่วยวิกลจริต / ประสาทบกพร่อง แต่ลองมองในอีกแง่มุมหนึ่ง ว่าถ้าหากเขาไม่ได้มีปัญหาเช่นนี้เขาคงเป็นอัจฉริยะที่ถูกพูดถึงมากในศตวรรษนี้เลยก็ได้

 

Note: บุคลิกที่เราชอบคืออาเธอร์ เรแกน อัลเลน และทอมมี่ ตัวอัลเลน ทอมมี่ และแดนนี่ถนัดวาดภาพมาก หลังจากลองเสิร์ชหาผลงานศิลปะภายใต้ชื่อของบิลลี่ มิลลิแกนแล้วเราก็ต้องทึ่งกับความสามารถของเขาเพราะภาพเหล่านั้นสื่อความหมายออกมาได้ดีมากจริงๆ